เปิดภาพวงจรปิดแก๊งแฮกตู้เอทีเอ็มออมสิน คาดบางส่วนอยู่ในไทย

loading...


กรณีกลุ่มคนร้ายชาวยุโรปปล่อยมัลแวร์เข้าตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสินแล้วกดเงินในพื้นที่ กทม.และภาคใต้ได้เงินไป 12 ล้านบาท โดยทางธนาคารสั่งปิดทันทีเอทีเอ็ม 3,343 ตู้ และยืนยันว่าไม่กระทบเงินฝากบัญชีลูกค้า โดยตร.คาดว่าเป็นกลุ่มแก๊งรัสเซีย-ยูเครน หรือแขกขาว พบเบาะแสเข้ามาก่อเหตุตั้งแต่มี.ค. โดยจะออกกดเงินช่วงเดือนก.ค.ใน 7 จังหวัด ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, พังงา, ชุมพร, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี และกรุงเทพฯ ที่ผ่านมาเคยก่อเหตุกับแบงก์ไต้หวันได้เงินไปถึง 90 ล้าน ก่อนเข้ามาหากินในไทยโดยเคยเข้าไปก่อเหตุในมาเลย์เมื่อปี 2557 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น


อ่านข่าว แฮ็ก12ล้าน ออมสินปิดเอทีเอ็ม 3พันตู้ทั่วประเทศ ถูกแก๊งดังรัสเซีย ป่วน-กดเงิน7จว.


ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น ที่ปรึกษา (สบ10) เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าว ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. สั่งการให้ตนดำเนินการสืบสวนมานานกว่า 1 อาทิตย์ โดยมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ เป็นหน่วยช่วยเหลือสนับสนุนการปฎิบัติงานหลัก โดยเหตุดังกล่าวเกิดในพื้นี่ตำรวจภูธรภาค 7, 8 และนครบาล


โดยขณะนี้จากวัตถุพยานต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่รวบรวมทำให้มั่นใจว่า คนร้ายกลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนร้ายที่เคยก่อเหตุในประเทศไต้หวันเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา และยังคล้ายกับเหตุที่ประเทศมาเลเซียเมื่อปี 2557


จากการตรวจสอบเส้นทางการเดินทางของคนร้ายกลุ่มเหล่านี้ พบว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มดังกล่าวที่เคยก่อเหตุที่ไต้หวันมีประมาณ 5 คน ที่มีประวัติเดินทางเข้าออกและเป็นชาวยุโรปตะวันออก ส่วนจะมีคนไทยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ โดยพบว่าตู้ที่ถูกคนร้ายนำเงินออกไปนั้นมีทั้งหมด 21 ตู้ ไล่ตั้งแต่จังหวัด สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และกรุงเทพมหานคร มูลค่าความเสียหาย 12,291,000 บาท ส่วนตู้ที่ทางธนาคารออมสินกำลังตรวจสอบมีอยู่หมด 200 ตู้ ซึ่งขณะนี้พบแล้วว่า ตู้ที่เหลือไม่ได้ถูกคนร้ายนำเงินออกไปแต่อย่างใด

 พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวต่อว่า ตู้ที่ถูกกระทำนั้นเป็นตู้ที่คนร้ายปล่อยมัลแวร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว และเอาบัตรที่เชื่อว่าเป็นบัตรที่ผลิตในประเทศยูเครนเสียบเข้าไปที่ตู้ จากนั้นเงินก็จะไหลออกมา บางตู้ไหลออกมาจำนวนหลักหมื่น แต่บางตู้ เช่นที่จังหวัดเพชรบุรีไหลออกมาล้านกว่าบาท พร้อมฝากเตือนประชาชนให้ช่วยกันเป็นคู่เป็นตา เพราะคนร้ายใช้เวลาก่อเหตุที่หน้าตู้ค่อนข้างนาน หากพบคนยุโรปตะวันออกยืนอยู่หน้าตู้เอทีเอ็มเป็นเวลานาน โดยเฉพาะตอนกลางคืน สามารถแจ้งแบาะแสกับเจ้าหน้าที่ได้ทันที

 พล.ต.อ.ปัญญา กล่าวอีกว่า พร้อมฝากถึงประชาชนว่าไม่ต้องตื่นตระหนก เพราะเงินที่คนร้ายโจรกรรมไปไม่ใช้เงินที่นำออกจากบัญชีของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นเงินที่อยู่ในส่วนความรับผิดชอบของธนาคาร และขณะนี้ทางธนาคารหลายแห่งก็ร่วมมือกันแก้ไขและป้องกันไม่ให้เหตุลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุบางส่วนเดินทางออกจากประเทศไทยไปแล้ว โดยก่อเหตุในช่วงเดียวกับที่ก่อเหตุที่ไต้หวัน โดยเหตุที่เกิดในไทยวันที่ 7-30 ก.ค. ทางธนาคารตรวจพบในวันที่ 1-10 ส.ค. เพราะหลังจากคนร้ายนำเงินออกจากตู้ คนร้ายจะสั่งให้ตู้รีเซ็ตระบบกลับไปเป็นเหมือนเดิม จึงสามารถตรวจสอบได้ยาก อีกทั้งภาพจากกล้องที่เครื่องยังไม่ทำงาน ขณะคนร้ายก่อเหตุเนื่องจากถูกมัลแวร์ควบคุม จะรู้เมื่อนำเงินมาตรวจนับและพบว่ามีเงินหายไปเท่านั้น ส่วนสาเหตุที่เลือกก่อเหตุที่ตู้ของธนาคารออมสินนั้นคาดว่าคนร้ายน่าจะมีข้อมูล และความชำนาญเกี่ยวกับตู้แบบนี้ ส่วนธนาคารอื่นก็อาจจะก่อเหตุก็เป็นหากยังยังไม่ถูกตรวจพบเสียก่อน    


 ที่ปรึกษา (สบ10) กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบอีกว่ามีตู้ในจังหวัดภูเก็ตที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเพื่อควบคุมตู้อื่นๆ ทั้ง 21 ตู้ที่ถูกนำเงินออก ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเก็บหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบหาร่องรอยคนร้าย ส่วนในจังหวัดพังงาที่เกิดเหตุคนร้ายนำเงินออกไปจากตู้จำนวน 4 ล้านบาท เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ก็มีลักษณะการก่อเหตุคล้ายกับกรณีดังกล่าว คือการใช้บัตรวีซ่าการ์ดแบบเดียวกัน

 โดยเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่ว่าเป็นการนำข้อมูลทางธนาคารไปศึกษาก่อนลงมือก่อเหตุล่าสุดหรือไม่อย่างไร จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าจะทำการสืบสวนเพื่อทราบตัว รวบรวมหลักฐานจนถึงขั้นออกหมายจับได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลหลายอย่าง เช่น ยานพาหนะ ที่ใช้ก่อเหตุ และที่พักของคนร้าย เป็นต้น ส่วนการติดตามจับกุมตัวนั้นเชื่อว่าคนร้ายบางส่วนยังคงตกค้างอยู่ในประเทศไทย นอกจาก 5 คนที่เดินทางออกจากไทยไปแล้ว หรืออาจจะเดินทางกลับมาในปรเะเทศไทยอีก เพราะคิดว่าประเทศไทยไม่สามารถรู้ตัวคนกระทำได้ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้ถือว่าพบเป็นครั้งแรกในไทย

 “คนร้ายจะทำงานเป็นขบวนการวางแผนมาเป็นอย่างดี จากการศึกษาพฤติกรรมในการก่อเหตุที่ไต้หวันพบว่า คนร้ายจะนำเงินที่ได้มารวมไว้ที่คน 3 คน ก่อนจะส่งต่อไปยังอีก 3 คน และสุดท้ายถูกตำรวจของไต้หวันจับกุมตัวได้ ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าหากคนร้ายอาจยังไม่ได้นำเงินที่ได้ออกจากประเทศไทย ในวันที่ 26 ส.ค. นี้ จะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และ 8 ร่วมกับตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อหารือแนวทางป้องกันและการติดตามตัวคนร้ายต่อไป” พล.ต.อ.ปัญญา กล่าว

ที่มา: http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1472022786
loading...
เปิดภาพวงจรปิดแก๊งแฮกตู้เอทีเอ็มออมสิน คาดบางส่วนอยู่ในไทย เปิดภาพวงจรปิดแก๊งแฮกตู้เอทีเอ็มออมสิน คาดบางส่วนอยู่ในไทย Reviewed by Unknown on 1:37:00 AM Rating: 5
Powered by Blogger.